ระบบธนาคารพาณิชย์ของเวียดนามกำลังจะเข้าสู่สภาวะการมีปริมาณเงินมากเกินความต้องการของตลาด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) พบว่าไม่มีการกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ผ่านตลาดการเงิน (open market operation : OMO) ถึงแม้ว่า SBV ได้เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง (ลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดร้อยละ 0.3-0.5 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566) พร้อมระยะเวลาการกู้ยืมที่นานขึ้น (จาก 7 และ 14 วันเป็น 28 วัน) โดยพบว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ถือเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันที่ SBV ไม่สามารถปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ผ่าน OMO ได้ ทั้งนี้ คาดว่าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยให้กู้ยืมของ SBV ผ่านช่องทาง OMO ยังคงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยให้กู้ยืมระหว่างธนาคาร ธนาคารต่าง ๆ จึงให้ความสำคัญกับการกู้ยืมระหว่างกันเพื่อลดต้นทุนทางการเงินมากกว่า
นอกจากนี้ จากข้อมูลของ SBV พบว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะข้ามคืนระหว่างธนาคารโดยเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ 1.12 ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2565 และเทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยในช่วงเงินราคาถูก (ต้นปี 2563 ถึงกลางปี 2565) ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับระยะเวลา 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ และ 1 เดือนระหว่างธนาคารก็อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
นาง Nguyen Thi Hong ผู้ว่าการ SBV ยืนยันว่า ระบบธนาคารมีสภาพคล่องสูง เนื่องจาก SBV ได้ซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวนมากและอัดฉีดเงินด่งเวียดนามในจำนวนเดียวกันให้หมุนเวียนในระบบ โดยในไตรมาสแรกของปี 2566 SBV ได้ซื้อเงินจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอัดฉีดเงินสดด้วยจำนวนเดียวกันเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ เงินฝากในระบบธนาคารก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันในช่วงตรุษเวียดนาม
ในการแถลงข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการทบทวนกิจกรรมธนาคารในไตรมาสแรกของปี 2566 นาย Pham Chi Quang ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงินของ SBV กล่าวว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมาก โดยสามารถเห็นจาก 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ (1) ยอดเงินฝากของสถาบันการเงินใน SBV ที่เกินระดับเงินสำรองขั้นต่ำไปอย่างมาก โดยเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 (2) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระหว่างธนาคารลดลงอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.7-1.2 ต่อปีเท่านั้น
นอกจากนี้ จากรายงาน SBV ยังพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2566 สินเชื่อในระบบทั้งหมดเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.06 เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 2565 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยระบบธนาคารทั้งหมดให้สินเชื่อสุทธิแก่เศรษฐกิจเพียงประมาณ 245.6 ล้านล้านด่ง (1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ การเติบโตของสินเชื่อในช่วงเวลาดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เนื่องจาก (1) ความผันผวนของตลาดในประเทศและต่างประเทศส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอตัวลง (2) การเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสแรกของปี 2566 ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้โครงการและกิจกรรมการลงทุนบางส่วนหยุดชะงักในช่วงเตรุษเวียดนาม
ที่มา: VOA เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566
