เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) ของเวียดนามได้ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นระบุว่า การส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของเวียดนามจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก (1) อัตราเงินเฟ้อในตลาดส่งออกสำคัญ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป มีแนวโน้มลดลง (2) จำนวนสินค้าคงคลังในกลุ่มประเทศดังกล่าวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ (3) อุปสงค์สำหรับสินค้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสิ้นปี นอกจากนี้ (1) เวียดนามยังได้รับประโยชน์จากบริษัทข้ามชาติที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนาม และ (2) การลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์ในจีนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
ผู้แทนกรมนำเข้าและส่งออก (Agency of Foreign Trade: AFT) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มูลค่าการส่งออกสินค้าอยู่ที่ 259.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 โดยสหรัฐฯ ยังเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 70.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ นาย Dang Phuc Nguyen เลขาธิการสมาคมผักและผลไม้เวียดนาม (Vinafruit) คาดว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566 เวียดนามจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสิ้นปีและฤดูเก็บเกี่ยวของผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้น มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566
ทั้งนี้ นาง Phan Thi Thang รัฐมนตรีช่วยว่าการ MOIT ของเวียดนามกล่าวว่า กระทรวงฯ จะให้ความสำคัญกับการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าการนำเข้าและการส่งออกของประเทศ ในขณะเดียวกัน จะเน้นประสานงานกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเพื่อเจรจากับจีนในการเปิดตลาดเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้อื่น ๆ ของเวียดนาม เช่น ส้มโอ มะพร้าว และอาโวคาโด ฯลฯ นอกจากนี้ MOIT จะปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการศุลกากรสำหรับสินค้าเกษตรและประมงที่ด่านชายแดน เวียดนาม-จีนเพื่อเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ
อนึ่ง MOIT ยังเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฏหมายด้านการแข่งขันทางการค้า โดยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านกฏระเบียบและมาตรการที่เกี่ยวข้อง ที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจอีกด้วย
ที่มา: BNews เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566
https://bnews.vn/du-bao-xuat-khau-quy-cuoi-cua-nam-se-khoi-sac/311144.html
