
ท่าเรือนานาชาติ Chu Lai ในจังหวัดกว๋างนามกำลังได้รับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภาคกลางและพื้นที่ราบสูงตอนกลางเวียดนาม โดยมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับภาคใต้ของลาวและภาคเหนือของกัมพูชา โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการค้าในภูมิภาค แต่ยังมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ท่าเรือนานาชาติ Chu Lai ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Trường Hải International Logistics Limited Liability (THILOGI) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Truong Hai Group Joint Stock (THACO) โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 และได้รับการจัดอันดับเป็นท่าเรือระดับ 1 (Class-I seaports)[1] บนพื้นที่ 140 เฮกตาร์
ปัจจุบัน ท่าเรือมีท่าเทียบเรือเฉพาะ 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเทียบเรือหมายเลข 2 รองรับเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 50,000 DWT และท่าเทียบเรือหมายเลข 1 รองรับการขนถ่ายสินค้าทั่วไปสำหรับเรือขนาด 30,000 DWT โดยท่าเทียบเรือทั้ง 2 แห่งสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ได้พร้อมกันสูงสุด 4 ลำ ช่วยลดเวลาจอดทอดสมอเรือ และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของท่าเรือ นอกจากนี้ ยังมีระบบปั้นจั่นที่สามารถขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ได้กว่า 100 ตู้ต่อชั่วโมง พร้อมระบบคลังสินค้าและลานจอดที่ได้มาตรฐานสากล บนพื้นที่กว่า 300,000 ตารางเมตร ความจุถึง 500,000 ตัน และยังตอบสนองมาตรฐานการจัดเก็บ รักษา และควบคุมข้อมูลสินค้าได้อย่างครบถ้วน
เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินเรือ บริษัท THILOGI กำลังเร่งดำเนินการขุดลอกช่องทางเดินเรือ Ky Ha ให้มีความลึก -9.3 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงการช่องทางเดินเรือ Cua Lo เพื่อให้ท่าเรือสามารถรองรับเรือที่มีขนาดเกิน 50,000 DWT ได้ภายในปี 2571 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
นอกจากนี้ จังหวัดกว๋างนามได้กำหนดแนวทางสำคัญ เพื่อส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาค ได้แก่
1. ยกระดับถนนสาย 14D และ 14B เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งบนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกหมายเลข 2 (EWEC2)[2] โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากภาคเหนือของกัมพูชา ภาคใต้ของลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ส่งออกผ่านท่าเรือนานาชาติ Chu Lai โดยเฉพาะสินค้าตู้คอนเทนเนอร์
2. ขยายโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ และลงทุนในอุปกรณ์ทันสมัย เพื่อปรับปรุงศักยภาพการรองรับเรือ พร้อมเปิดเส้นทางเดินเรือทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เข้าออกจากท่าเรือ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้ท่าเรือนานาชาติ Chu Lai เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์หลากหลายและเฉพาะทางสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ภายในปี 2570
3. เปิดให้บริการเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 2 ลำ ความจุรวม 3,600 TEU เพื่อให้บริการเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศไปยังท่าเรือเซียเหมินและเซี่ยงไฮ้ (ประเทศจีน) ภายในปี 2568
4. ขยายความร่วมมือกับบริษัทเดินเรือชั้นนำ เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางเดินเรือตรงสู่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเชื่อมต่อสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป และออสเตรเลีย ผ่านท่าเรือสำคัญ อาทิ เซี่ยงไฮ้ (จีน) ปูซาน (เกาหลีใต้) และเกาสง (ไต้หวัน)
5. จัดตั้งบริษัท THILOGI Indochina Cross Border Trucking Limited Liability เพื่อพัฒนาบริการขนส่งสินค้าทางถนนจากลาว กัมพูชา และที่ราบสูงตอนกลางเวียดนามไปยังท่าเรือนานาชาติ Chu Lai
* * * * *
ที่มา: สำนักข่าว Lao Dong เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568
[1] ตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบท่าเรือของเวียดนามในช่วงปี ค.ศ. 2021 – 2030 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี ค.ศ. 2050 ซึ่งได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีเวียดนามเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 โดยมีท่าเรือทั้งหมด 4 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1 Special seaports อันดับ 2 Class-I seaports อันดับ 3 Class-II seaports และอันดับ 4 Class-III seaports
[2] เชื่อมโยงจากประตูชายแดน Nam Giang (จังหวัดกว๋างนามในภาคกลางของเวียดนาม) ไปยังที่ราบสูงโบลาเวน (สปป. ลาว) และเชื่อมต่อไปยังด่านช่องเม็ก (จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย)