ปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม ๑๖,๕๔๕ เมกะวัตต์ เป็นโครงการผลิตแบบระบบรวมแสงอาทิตย์ ๘,๙๐๔ เมกะวัตต์ และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา ๗,๖๖๐ เมกะวัตต์ และมีโครงการไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิตรวม ๔,๑๒๖ เมกะวัตต์ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการราคารับซื้อพิเศษ (Feed-in Tariff: FIT) อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายโครงการหรือบางส่วนของโครงการที่ได้เริ่มการก่อสร้างแล้ว แต่เริ่มดำเนินการไม่ทันช่วงเวลาที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางราคา โดยเป็นโครงการไฟฟ้าพลังงานลม ๖๒ โครงการ กำลังการผลิตรวม ๓,๔๗๙ เมกะวัตต์ และไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ๕ โครงการหรือบางส่วนของโครงการ กำลังการผลิตรวม ๔๕๒.๖๒ เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างรอประเมินราคา
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOIT) ได้ยื่นข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาข้างต้น ดังนี้
๑. สำหรับโครงการเปลี่ยนผ่าน MOIT เสนอให้ผู้ลงทุนเจรจาตกลงราคาและสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ตามกรอบราคาจ่ายกระแสไฟฟ้าและตามแนวทางของ MOIT
๒. สำหรับโครงการไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะดำเนินการในอนาคต MOIT ขอให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามอนุมัติการปรับใช้กลไกการเจรจาตกลงราคาและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเช่นเดียวกับโครงการเปลี่ยนผ่าน
๓. สำหรับโครงการที่ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ MOIT ขอให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามมีข้อสั่งการสำหรับเป็นพื้นฐานให้ MOIT ตรวจสอบและพิจารณาสัญญาระหว่าง EVN กับผู้ลงทุนอีกครั้ง
๔. เสนอให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามพิจารณายกเลิกข้อมติที่ ๑๓ ว่าด้วยกลไกการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ข้อมติ ๓๗ และข้อมติ ๓๙ ว่าด้วยกลไกการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานลม และมอบหมายให้ MOIT ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมจัดเตรียมร่างข้อมติใหม่ ขอรับความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้นายกรัฐมนตรีเวียดนามพิจารณาอนุมัติเพื่อบังคับใช้ตามกฎหมาย
MOIT ระบุว่า การจัดทำข้อเสนอข้างต้นเนื่องจากแนวทางการประมูลราคาไฟฟ้าของ EVN ยังไม่มีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน และยังไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับกลไกดังกล่าวในกฎหมายไฟฟ้า กฎหมายราคา กฎหมายการประมูล และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา MOIT ได้รับความเห็นจากนักลงทุนเกี่ยวกับกลไกการประมูลราคาไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน และกลไกข้างต้นอาจส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและความสามารถในการคืนทุนของโครงการลงทุนด้วย
