กระทรวงการคลังเวียดนามออกประกาศเตือนว่าค่าไฟฟ้าอาจสูงขึ้นหากการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมไม่เหมาะสมกับขีดความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สาขาพลังงานทดแทนในเวียดนามมีการลงทุนสูง เนื่องจากการปรับใช้ราคา Feed in Tariff (FIT) ที่ ๗.๐๙ – ๙.๓๕ เซนต์ ซึ่งสูงกว่าราคาจากการผลิตพลังงานจากแหล่งดั้งเดิม
การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) รายงานว่า จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีกำลังการผลิตรวมราว ๑๘,๐๐๐ เมกะวัตต์ สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ ๔,๐๐๐ เมกะวัตต์ในปี ๒๕๖๘ และ ๑๒,๐๐๐ เมกะวัตต์ในปี ๒๕๗๓ ขณะที่ในช่วง ๕ เดือนแรกของปี ๒๕๖๕ เวียดนามผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนถึง ๑๖,๑๘๐ ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๕ ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ แต่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าและระบบจัดเก็บไฟฟ้าไม่สามารถรองรับปริมาณไฟฟ้าได้ทั้งหมด ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการผลิตเกินขีดความสามารถและสูญเสียไฟฟ้าส่วนเกิน
กระทรวงการคลังระบุว่า เมื่อพิจารณาการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ไฟฟ้าความร้อน และพลังงานทดแทนเข้าด้วยกัน สถานการณ์จะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกไฟฟ้า ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า เพื่อแก้ปัญหาความไม่เหมาะสมระหว่างการจ่ายกระแสไฟฟ้ากับขีดความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า เวียดนามควรพัฒนาระบบโครงข่ายอัจฉริยะ (smart grid) ซึ่งอนุญาตให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและโอนถ่ายพลังงานระหว่างกัน
สำหรับราคาไฟฟ้าซึ่งเวียดนามมีแผนจะใช้กลไกการประมูลราคาแทนราคา FIT ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า การดำเนินการข้างต้นจะยิ่งสร้างผลเสียต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดพลังงานในเวียดนาม
ที่มา VN Express International