โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Ninh Thuan ซึ่งหยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2559 ได้กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง หลังจากรัฐสภาเวียดนามมีมติในเดือนพฤศจิกายน 2567 อนุญาตให้ดำเนินโครงการต่อได้ โดย EVN เตรียมจัดสรรเงินลงทุนเบื้องต้นกว่า 1.3 ล้านล้านดอง (ประมาณ 49.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเริ่มต้นโครงการ

การกลับมาลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ EVN พลิกฟื้นผลประกอบการ โดยรายงานการเงินปี 2567 ระบุว่า EVN มีรายได้รวม 580.5 ล้านล้านดอง (ประมาณ 22.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 8.24 ล้านล้านดอง (ประมาณ 324.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากที่เคยขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 ถึง 26.77 ล้านล้านดอง (ประมาณ 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นบวกที่ 13 ล้านล้านดอง (ประมาณ 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

การฟื้นตัวดังกล่าวได้แรงหนุนจาก

• สภาพอากาศที่เอื้อให้ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มขึ้น
• ต้นทุนการผลิตที่ลดลง
• กลยุทธ์การปรับโครงสร้างราคาขายไฟฟ้า
• การผลิตไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพจากพลังงานความร้อนและพลังงานหมุนเวียน

อย่างไรก็ตาม EVN ยังเผชิญภาระทางการเงิน โดยสิ้นปี 2567 มีผลการขาดทุนสะสมกว่า 38.7 ล้านล้านดอง (ประมาณ 1.47 พันล้านสหรัฐ) และมีหนี้สินรวมสูงถึง 474.6 ล้านล้านดอง (ประมาณ 18.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

อนึ่ง แม้ยังประสบข้อท้าทายด้านการเงิน แต่การรื้อฟื้นโครงการนิวเคลียร์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของเวียดนามที่ต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น และลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต