เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2566 ระบบไฟฟ้าภาคเหนือจะตอบสนองต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบไฟฟ้าของภาคเหนือยังไม่มีกำลังสำรอง จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์จ่ายไฟต่อไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566 ตัวแทนของหน่วยงานกำกับดูแลการไฟฟ้าของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOIT) ย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์การจ่ายไฟว่า กำลังการผลิตได้ตอบสนองความต้องการในภาคเหนือโดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลจากรายงานของ National Load Dispatch Center ระบุว่า การผลิตไฟฟ้าของทั้งระบบทั่วประเทศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2566 สูงถึง 773.4 ล้าน kWh โดยการผลิตไฟฟ้าของภาคเหนืออยู่ที่ 344 ล้าน kWh โดยสาเหตุที่ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เนื่องจาก (1) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก (2) ปัญหาของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนได้รับการแก้ไขแล้ว (3) การเชื่อมต่อของโครงการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น (4) อุณหภูมิในภาคเหนือลดลงทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้การจ่ายไฟฟ้ามีความปลอดภัย มีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปจนสิ้นสุดฤดูแล้งในปี 2566 และเตรียมพร้อมสำหรับฤดูแล้งในปี 2567 MOIT จะยังคงติดตามและสั่งการให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการแก้ไขที่สำคัญหลายประการ เช่น มีระบบการดำเนินงานที่เหมาะสมสำหรับแหล่งไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานความร้อนในภาคเหนือ ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จะต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเพื่อมีแผนการดำเนินงานที่เหมาะสมและรับประกันกำลังการผลิตไฟฟ้า
นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงของการขาดแคลนไฟฟ้า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้จัดประชุมกับ 10 จังหวัดที่มีแหล่งก๊าซธรรมชาติ LNG (Liquefied Natural Gas) ได้แก่ Quang Ninh, Thai Binh, Thanh Hoa, Nghe An , Quang Binh, Quang Tri, Ninh Thuan, Binh Thuan, Long An, Bac Lieu โดยขอให้คณะกรรมการประชาชนของจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้า LNG ตามกำหนดการที่ได้รับอนุมัติ
ที่มา: CafeBiz วันที่ 25 มิถุนายน 2566