แนวทางการพัฒนาการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของนครดานัง

POST ON 24 มกราคม 2025

แนวทางการพัฒนาการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของนครดานัง

นครดานังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยจะให้ความสำคัญกับการเงินสีเขียว (Green Finance) เทคโนโลยีการเงิน (Fintech) และการเงินเพื่อการค้า (Trade Finance) เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 คณะกรรมการประชาชนนครดานังได้จัดงานสัมมนาในหัวข้อ
“การพัฒนาศูนย์กลางทางการเงินระดับภูมิภาคและนานาชาติในเวียดนาม” โดยนาย Ho Ky Minh รองประธานคณะกรรมการประชาชนของนครฯ ได้ให้ข้อมูลว่า นักลงทุนและกองทุนการเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง และสวิตเซอร์แลนด์ มีความสนใจเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงินของนครฯ
ในทิศทางที่มุ่งเน้นนวัตกรรม การเงินสีเขียว เทคโนโลยีการเงิน และการเงินเพื่อการค้า

 ในการนี้ นครดานังได้เสนอแนวทางการสร้างระบบนิเวศการเงินแบบครบวงจร โดยเน้น 3 กลุ่มบริการหลัก ดังนี้

1. บริการการเงินระหว่างประเทศ อาทิ ระบบการชำระเงิน บริการการค้าระหว่างประเทศ การบริหารความเสี่ยง การซื้อขายเงินตราต่างประเทศ และการเงินสีเขียว โดยจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตประกอบการเสรี (Free Trade Zone) ของนครฯ

2. บริการด้านเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) และเทคฟิน (Techfin) อาทิ การให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการชำระเงิน การแปลงสินทรัพย์จริงสู่โลกดิจิทัล (Asset Tokenization) และนวัตกรรมทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ยังจัดสรรพื้นที่ให้ธุรกิจ Startup ด้าน Fintech สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม เติบโต และก้าวสู่ตลาดโลก

3. บริการสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาธุรกิจ อาทิ การให้บริการตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ภาษี ศุลกากร และบริการเพื่อความบันเทิง (อาทิ คาสิโน รีสอร์ต) และการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินดังกล่าว นครดานังได้จัดสรรพื้นที่ 6.17 เฮกตาร์ ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำและการเชื่อมต่อที่ดีสำหรับอาคารสำนักงาน รีสอร์ต ศูนย์ประชุม และสถานบันเทิงต่าง ๆ นอกจากนี้ นครฯ ยังจัดสรรพื้นที่เพิ่มเติมขนาด 9.7 เฮกตาร์ ใกล้กับ Software Park แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีหลัก และเป็นพื้นที่สำหรับบริการ Fintech โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง

นอกจากนี้ นาย Andy Khoo ตำแหน่ง CEO ของบริษัท Terne Holdings[1] คาดการณ์ว่า ศูนย์กลางการเงินนานาชาติของนครดานังจะทำให้มูลค่า GDP ของเวียดนามเพิ่มขึ้น 3-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยนครดานังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างกรุงฮานอย ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านนโยบายและการบริหารจัดการภาครัฐ กับนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเงินทุนสำหรับภาคธุรกิจและประตูสู่ตลาดโลกของเวียดนาม โดยการให้ความสำคัญกับการพัฒนา 3 ประเด็นเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การเงินสีเขียว นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน และการเงินเพื่อการค้า จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้นครดานังมีความแตกต่างจากที่อื่น และกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

อนึ่ง นาย Andreas Baumgartner ตำแหน่ง CEO ของ Metis Institute[2] ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การสร้างศูนย์กลางทางการเงินที่ประสบความสำเร็จได้จำเป็นจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง และมีกรอบกฎหมายที่โปร่งใส ดังเช่นตัวอย่างของศูนย์กลางทางการเงินดูไบ (DIFC) และศูนย์กลางทางการเงินอาบูดาบี (ADGM)

* * * * * *

ที่มา: สำนักข่าว Vietnamnet Global เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568

https://vietnamnet.vn/en/how-da-nang-plans-to-become-vietnam-s-next-financial-powerhouse-2364586.html


[1] บริษัทของสิงคโปร์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงคำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

[2] บริษัทจดทะเบียนในอังกฤษและเวลส์ มีความเชี่ยวชาญด้านการระงับข้อพิพาท ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ และธรรมาภิบาล

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง



ดูข่าวทั้งหมด

THAIBIZ VIETNAM

THAILAND BUSINESS INFORMATION CENTER

ยอดผู้เข้าชม

407

กำลังเข้าชมขณะนี้

335719

เข้าชมทั้งหมด