
รายงานจาก WORLD ECONOMIC LEAGUE TABLE 2024 ของศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (Centre Economics and Business Research: CEBR) ประเมินว่า GDP ของเวียดนามจะติดอันดับที่ 24 ของโลกภายในปี 2576 โดยจะมีขนาด GDP กว่า 1,050 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2581 จะมีขนาด GDP กว่า 1,600 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะแซงหน้าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค อาทิ ฟิลิปปินส์ (1,536 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไทย (1.313 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และสิงคโปร์ (896 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้เวียดนามกลายเป็น 1 ใน 25 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่า GDP เวียดนามตลอดทั้งปี 2567 เติบโตร้อยละ 7.09 สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ร้อยละ 6.5 และเติบโตสูงถึงร้อยละ 7.55 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 นอกจากนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามมีมูลค่า 476,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า GDP per capita อยู่ที่ 4,700 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องด้วยผลผลิตแรงงานที่เพิ่มขึ้นและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยใน ภาคส่วนสำคัญ เช่น อุตสาหกรรม การก่อสร้าง และบริการ มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แม้ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติระลอกใหญ่หลายครั้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
GSO ยังเผยว่า ในปี 2567 เวียดนามมีโครงการลงทุนใหม่ ที่ได้รับ FDI จำนวน 3,375 โครงการมูลค่า 19,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอุตสาหกรรมการผลิตและการแปรรูปอาหาร มากที่สุด มูลค่า 13,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 638.1) ตามด้วยอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 3,720 ดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 18.8) และ อุตสาหกรรมอื่นๆ มูลค่า 2,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 13.1) ตามลำดับ โดย 5 นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนโครงใหม่มากที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์ (ร้อยละ 37.1) เกาหลีใต้ (ร้อยละ 14.6) จีน (ร้อยละ 14.4) และฮ่องกง (ร้อยละ 11) ตามลำดับ
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่นวันที่ 17 มกราคม 2568