
ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 8 (the 8th Greater Mekong Subregion Summit: GMS) ณ สาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างวันที่ 6 – 7 พฤศจิกายน 2567 นาย Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำ strategic roles ของ GMS ได้แก่ (1) การดำเนินการปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อความเท่าเทียมและประโยชน์ส่วนรวม (2) การสร้างกลยุทธ์และโครงการความร่วมมือเชิงปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับความต้องการที่แท้จริงของแต่ละประเทศและอนุภูมิภาค (3) การมีความร่วมมือที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจพร้อมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (4) การร่วมมือระหว่างสมาชิกแต่ละประเทศกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และพันธมิตรต่าง ๆ และ (5) การเสริมสร้างความสามัคคี เพื่อสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมความการพัฒนาให้กับกลุ่ม GMS
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังได้เสนอแนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจยุคใหม่ของอนุภูมิภาคในการประชุมครั้งนี้ ด้วยหลักการ 3 ประการได้แก่ (1) สนับสนุนประเทศสมาชิกปรับปรุงด้านกฏระเบีบย นโยบาย และขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ทุน และรวมถึงทรัพยากรมนุษย์ (2) ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ ควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการเกษตร และ (3) เน้นการพัฒนาการเติบโตเศรษฐกิจสีเขียว โดยยึดผู้คนเป็นศูนย์กลาง
อนึ่ง ในห้วงปี 2564-2567 ประเทศสมาชิก GMS และพันธมิตรสามารถร่วมกันระดมทุนเกือบ 133,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนามากกว่า 500 โครงการในอนุภูมิภาคกลุ่ม GMS โดยโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) และระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก (East West Economic Corridor – EWEC) ได้กลายเป็นต้นแบบของความร่วมมือและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างแท้จริง และมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนในระดับภูมิภาค เชื่อมโยงพื้นที่ห่างไกลทั้งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567