เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 นาย Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมาธิการซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และธนาคารพาณิชย์ของรัฐ 5 แห่งเพื่อศึกษาแนวทางลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงรายงานสถานการณ์ของตลาดหุ้นกู้และแนวทางแก้ไขในอนาคต ตลอดจนผลการดำเนินงานของคณะทำงานภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีในการทบทวน เร่งรัด และจัดหาแนวทางเพื่อขจัดปัญหาการดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับหน่วยงานระดับท้องถิ่น ภาคธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในช่วงที่ผ่านมา เวียดนามได้ออกกฏหมายต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในตลาดการเงิน ตลาดหุ้นกู้ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 นาย Le Minh Khai รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ลงนามในมติฉบับที่ 58/NQ-CP ว่าด้วยนโยบายและแนวทางแก้ไขที่สำคัญเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการสามารถปรับตัว ฟื้นฟู และพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2568 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2566 ธนาคารแห่งชาติเวียดนามได้ออกหนังสือเวียน 02/2023/TT-NHNN กำหนดให้สถาบันการเงินและสาขาธนาคารต่างประเทศปรับโครงสร้างระยะเวลาการชำระหนี้และรักษากลุ่มหนี้ไว้ตามเดิมเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงหนังสือเวียนที่ 03/2023/TT-NHNN ว่าด้วยการระงับการดำเนินการตามมาตรา 4 วรรค 11 ของหนังสือเวียนที่ 16/2021/TT-NHNN ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ว่าด้วยการซื้อและขายหุ้นกู้ของสถาบันสินเชื่อและสาขาธนาคารต่างประเทศ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามสั่งการให้ธนาคารแห่งชาติเวียดนาม กระทรวงการคลัง และกระทรวงการก่อสร้างร่วมมือแก้ไขปัญหาสำหรับตลาดการเงิน ตลาดหุ้นกู้ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรการดังนี้
(1) สำหรับตลาดการเงิน ให้สถาบันสินเชื่อปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส รวมถึงเพิ่มการตรวจสอบ ควบคุม และกำกับดูแล จำกัดความเสี่ยง ป้องกันการละเมิดกฎหมายและการแสวงหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินให้กู้ยืม สร้างความสมดุลระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย และระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนและการดึงดูดเงินทุนของประชาชนและภาคธุรกิจ
(2) สำหรับตลาดหุ้นกู้ จัดเตรียมเครื่องมือและแนวทางเพื่อสนับสนุนให้ผู้ออกหุ้นกู้สามารถชำระหนี้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ตามข้อกฎหมาย เสริมสร้างความเชื่อมั่นของตลาด โดยกระทรวงการคลังมีบทบาทสำคัญในการหารือกับผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้เพื่อจัดหาแนวทางที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
(3) สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้าขจัดปัญหาทางกฎหมายและให้การสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง จัดการขั้นตอนการบริหารเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน การประเมินราคาที่ดิน และการวางแผน โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้ภาคธุรกิจต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม ปรับโครงสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ และพิจารณาปรับลดราคาขาย ในขณะเดียวกัน ควรลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง รวมถึงใช้ประโยชน์จากนโยบายสิทธิพิเศษจากแพ็คเกจสินเชื่อมูลค่า 120 ล้านล้านด่งเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม ที่อยู่อาศัยสำหรับคนงาน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการป้องกันการทุจริต
(4) ธนาคารพาณิชย์ของรัฐจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำและควบคุมตลาด กระตุ้นและผลักดันการพัฒนาระบบธนาคารของประเทศ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการผลิตโดยใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น นวัตกรรมทางเทคโนโลยี การบริหารจัดการ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตลอดจนมีนโยบายสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยสำหรับแต่ละกลุ่ม
(5) ให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำแผนการลดภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 2 การลดค่าเช่าที่ดิน ประเมินผลกระทบและเสนอแนวทางสำหรับมาตรการใช้ภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax: GMT) ของ OECD รวมถึงทบทวนเงื่อนไขการออกหุ้นกู้ต่อประชาชนเพื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ตลอดจนประสานงานกับธนาคารแห่งชาติเวียดนามเพื่อวางแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนสำหรับธนาคารพาณิชย์ของรัฐ
ที่มา: Bao Chinh Phu เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566