
นาย Le Minh Khai รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเวียดนาม (MOT) ศึกษา และจัดทำนโยบายสนับสนุนเพื่อส่งเสริมและเอื้ออำนวยให้บริษัทรถแท็กซี่เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อช่วยลดการปล่อย CO2 และรักษาสิ่งแวดล้อม ในขณะที่บริษัทแท็กซี่ต่างๆ ในเวียดนามยังลังเลที่จะเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด เนื่องจากกังวลปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนสถานีชาร์จรถ EV และอื่นๆ
ก่อนหน้านี้ Vinasun ซึ่งเป็นบริษัทแท็กซี่รายใหญ่ของเวียดนามเปิดตัวบริการแท็กซี่ไฮบริดครั้งแรกในเวียดนาม และลงนามข้อตกลง (MOU) กับ Toyota โดยมีเป้าหมายที่จะใช้รถยนต์ไฮบริด 2,000 คันในปี 2568 ในขณะเดียวกัน บริษัทแท็กซี่ Mai Linh ได้ลงนาม MOU กับ Toyota เพื่อนำเข้ารถยนต์ไฮบริดจำนวน 9,999 คันในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ Vingroup JSC ได้เตรียมทุ่มเงินอย่างน้อย 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของ VinFast Auto Ltd. ทั้งในตลาดเวียดนามและตลาดโลกในวงกว้างมากขึ้น โดย Vingroup JSC มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ VinFast ก้าวเป็นแบรนด์ระดับโลก
อย่างไรก็ดี สมาคมแท็กซี่ ณ กรุงฮานอย กล่าวว่า แม้ว่าต้นทุนของรถ EV จะต่ำกว่ารถยนต์ประเภทอื่นๆ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จรถ EV ไม่เพียงพอ รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ปัจจุบันเวียดนามยังไม่มีกฎระเบียบสำหรับบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า เช่น วิธีการชาร์จอย่างปลอดภัย วิธีจัดการกับขยะแบตเตอรี่ เป็นต้น ดังนั้น เวียดนามจำเป็นต้องมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ EVจากรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นแนวทางในการดึงดุดนักลงทุนอีกด้วย
นอกจากนี้ Thaibiz Vietnam ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรุงฮานอยตั้งเป้าหมายในการใช้รถโดยสารประจำทางไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางที่ใช้พลังงานสะอาด ในปี 2576 โดยจะดำเนินการส่งเสริมเพื่อให้รถโดยสารประจำทาง ร้อยละ 50 ใช้พลังงานไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทางที่เหลือใช้พลังงานเชื้อเพลิง CNG/LNG ซึ่งจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 1,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น ตั้งแต่ปี 2583 เป็นต้นไป กรุงฮานอยจะสนับสนุนการใช้รถโดยสารประจำทาง ร้อยละ 100 แทนการใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน เพื่อบรรลุเป้าหมายให้บริการร้อยละ 45-50 ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะภายในปี 2573 ดังนั้น กรุงฮานอยจำเป็นต้องจัดทำแผนเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เหมาะสม อีกทั้งขยายและพัฒนาระบบถนนในเมือง และการเพิ่มสายการขนส่ง เพื่อรองรับรถโดยสารประจำทางจำนวน 5,000 คัน และผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 4-5 ล้านคน/วัน ซึ่งสูงกว่าปัจจุบัน 4-5 เท่า
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่น วันที่ 19 มิถุนายน 2567