รายงานของ HSBC เผยว่า ปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (E2W) ของเวียดนามเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากจีนเท่านั้น และตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเวียดนามยังจะเติบโตต่อไป โดยคาดว่า ยอดขาย E2W และ EV ของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านคันในปี 2567 เป็นมากกว่า 2.5 ล้านคันในปี 2579
ในการนี้ HSBC ระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ EV แล้ว E2W ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากราคาสมเหตุสมผล และจำหน่ายอย่างทั่วถึงในเวียดนาม โดยในปี 2563 ชาวเวียดนามเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 60 ในขณะที่เป็นเจ้าของรถยนต์เพียงร้อยละ 5.7 ซึ่งจะเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเวียดนาม โดยเฉพาะ VinFast กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ อาทิ ราคาที่ค่อนข้างสูง ระยะการเดินทาง สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงพอ เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลเวียดนามจึงมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถ EV เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถ การลดภาษีนำเข้า เป็นต้น อีกทั้งรายงานของ HSBC ดังกล่าวยังระบุว่า เวียดนามต้องการเงินทุนมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และพลังงานสะสม 14 tWh ภายในปี 2583 เพื่อให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพียงพอสำหรับ EV ด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์เวียดนามเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เวียดนามได้ส่งเสริมความร่วมมือกับธุรกิจต่างประเทศ เช่น Honda (ญี่ปุ่น) Toyota (ญี่ปุ่น) Hyundai (เกาหลีใต้) และ Chery Automobile (จีน) รวมทั้งธุรกิจในประเทศผ่านหลายโครงการ อนึ่ง VinFast มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 250,000 คันต่อปีเป็น 1 ล้านคันต่อปี โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ส่งออก EV ชั้นนำไปยังตลาดอาเซียน
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่น วันที่ 14 พฤษภาคม 2567
https://vir.com.vn/vietnam-remains-focused-on-evs-for-sustainable-growth-111029.html