เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 นาย Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เยือนนครโฮจิมินห์เพื่อเป็นประธานการประชุมว่าด้วยการดำเนินตามข้อมติที่ 222/2025/QH15[1] ของสภาแห่งชาติเวียดนามเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ (International Financial Center: IFC) ในนครโฮจิมินห์และนครดานัง
ในการประชุมดังกล่าว นาย Nguyen Van Thang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนาม ได้ประกาศข้อมติสำคัญ 2 ฉบับที่ลงนามโดยนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ได้แก่ (1) ข้อมติที่ 1646/QD-TTg ว่าด้วยการอนุมัติจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลศูนย์กลางทางการเงินฯ ในเวียดนาม โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ (2) ข้อมติที่ 114/QĐ-BCĐTTTC ว่าด้วยแผนปฏิบัติการเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินฯ ในเวียดนาม โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะเปิดดำเนินการศูนย์กลางทางการเงินฯ ในนครโฮจิมินห์และนครดานังภายในปี 2568 พร้อมกำหนดเป้าหมายที่สำคัญ ดังนี้
1. พัฒนาระบบนิเวศทางการเงินที่ทันสมัย เช่น การส่งเสริมการจัดตั้งตลาดใหม่ (เช่น ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า และคาร์บอน) ส่งเสริมบริการทางการเงินที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น เทคโนโลยีการเงิน และธนาคารดิจิทัล) และพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูงเพื่อรองรับความต้องการของศูนย์กลางทางการเงินฯ
2. สร้างระบบนิเวศของบริการสนับสนุนที่ได้มาตรฐานสากล ครอบคลุมด้านกฎหมายการตรวจสอบ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
3. จัดทำกรอบกฎหมายเฉพาะ โดยมีกลไกและนโยบายที่โปร่งใส เป็นระบบ รวมถึงดึงดูดการลงทุน เทคโนโลยี และบุคลากรคุณภาพสูง
4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการเพื่อรองรับศูนย์กลางทางการเงินฯ ครอบคลุมการคมนาคมการสื่อสาร เครือข่าย 5G และการสร้างแพลตฟอร์ม Blockchain เพื่อทดลองสินทรัพย์ดิจิทัลเช่น NFT และโครงสร้างระบบโลจิสติกส์
5. ศึกษาต้นแบบจากศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศอื่น ๆ ในโลก เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ดูไบ ลอนดอน เพื่อปรับใช้กับบริบทของเวียดนาม
6. จัดตั้งกลไกประสานงานและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายข้างต้น นครโฮจิมินห์และนครดานังได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทรัพยากรบุคคล และส่งเสริมการลงทุนกับพันธมิตรต่าง ๆ ดังนี้
1. นครโฮจิมินห์ (1) จัดเตรียมพื้นที่ 10 เฮกตาร์ในเขตเมืองใหม่ Thu Thiem เพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยจะใช้อาคารหมายเลข 8 ถนน Nguyen Hue เป็นสำนักงานชั่วคราวของศูนย์ฯ (2) เปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและหลักทรัพย์ (3) จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงานต่างประเทศในเดือนสิงหาคม และ (4) ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเวียดนาม-เยอรมนี (Vietnamese-German University: VGU) เพื่อฝึกอบรมบุคลากร
2. นครดานัง (1) ส่งข้าราชการรุ่นใหม่ 10 คน ไปฝึกอบรมและฝึกงานที่สิงคโปร์ (2) จัดตั้งกลไกดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และ (3) ร่วมมือกับสื่อระดับโลกเพื่อประชาสัมพันธ์ศูนย์กลางทางการเงินฯ ในนครดานัง
ทั้งนี้ ศูนย์กลางทางการเงินฯ ในนครโฮจิมินห์จะมุ่งเน้นตลาดทุน ธนาคาร สกุลเงินดิจิทัล เทคโนโลยีการเงิน พื้นที่ทดลอง (Sandbox) สำหรับเทคโนโลยีการเงิน และแพลตฟอร์มการค้าเฉพาะทางสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่นครดานังจะให้ความสำคัญกับการเงินสีเขียว (Green Finance) เทคโนโลยีการเงิน (Fintech) และการเงินเพื่อการค้า (Trade Finance) เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก
อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมา มีการออกมาตรการสนับสนุนและสิทธิพิเศษมากมายภายใต้ข้อมติที่ 222/2025/QH15 ของสภาแห่งชาติเวียดนาม ครอบคลุมทั้งภาษี ที่ดิน และแรงงาน อาทิ (1) สามารถเช่าที่ดินได้สูงสุดถึง 70 ปี (2) ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชาวต่างชาติจนถึงปี 2573 (3) อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 10 นาน 30 ปี พร้อมสิทธิยกเว้นภาษี 4 ปี และลดหย่อนภาษีร้อยละ 50 เป็นเวลา 9 ปี และ (4) กลไกระงับข้อพิพาทที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง โดยเปิดโอกาสให้สามารถเลือกอนุญาโตตุลาการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
* * * * *
ที่มา:
1. สำนักข่าว VnExpress เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568
https://vnexpress.net/trung-tam-tai-chinh-quoc-te-du-kien-hoat-dong-cuoi-nam-nay-4921859.html
2. สำนักข่าว Dan Tri เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568
#ศูนย์กลางทางการเงิน #ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ #นครโฮจิมินห์ #โฮจิมินห์ #นครดานัง #ดานัง #เทคโนโลยีการเงิน #Sandbox #สินทรัพย์ดิจิทัล #คาร์บอน #Blockchain
[1] ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2568
