
กระทรวงการคลังเวียดนามประเมินว่า ผู้ประกอบการในเวียดนามจะหันมานำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศสมาชิกอาเซียนแทนเกาหลีใต้เนื่องจากผู้ประกอบการจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยภายในปี 2566 ภาษีการนำเข้ามันเบนซินจะลดเหลือเพียงร้อยละ 5 และจะมีการยกเลิกภาษีนำเข้าสำหรับน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล โดยจะยกเลิกภาษีนำเข้าน้ำมันทุกชนิดภายในปี 2567 ในขณะที่อัตราภาษีสำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศอื่น ๆ ยังสูงกว่าการนำเข้าจากอาเซียน
นอกจากนี้ อัตราภาษีนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากการเริ่มมีผลใช้บังคับของความตกลงการค้าเสรีฉบับต่าง ๆ จากอัตราเฉลี่ยปัจจุบันที่ร้อยละ 14.8 ในปี 2565 เหลือร้อยละ 9.6, 8.4, 8 และ 7.5 ภายในปี 2567, 2568, 2569 และ 2570 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีนำเข้า ส่งออกในปี 2566 ลดลงประมาณ 18.5 ล้านล้านด่ง (744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับปี 2565
อัตราภาษีนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยในช่วงปี 2565 – 2570

นอกจากนี้ องค์กรนานาชาติหลายแห่งประเมินว่าในปี 2566 ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 70 – 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ 90 – 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจจะพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ หากจีนยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด-19 และธนาคารกลางสหรัฐฯ หยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเวียดนามได้เตรียมแผนการรับมือกับความผันผวนราคาน้ำมันดิบระหว่าง 70 – 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว
ที่มา : Vietnamnet 4 พฤศจิกายน 2565