เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ในห้วงการประชุมสภาแห่งชาติเวียดนามสมัยที่ 7 นาย Le Minh Khai รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามยังจะให้ความสำคัญกับการควบคุมภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค และอัตราเงินเฟ้อต่อไปให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP อยู่ที่ร้อยละ 6.5 ในปี 2567 โดยการลดอัตราดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระภาษี และลดค่าเช่าที่ดิน เป็นต้น เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางธุรกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลฯ จะเร่งพัฒนาโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่สำคัญ เพื่อเป้าหมายการก่อสร้างทางด่วนเพิ่มอีก 1,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศภายในปี 2568 อีกทั้งจะปรับปรุงระบบการบริหารประเทศเพื่อการอย่างมีประสิทธิผลและเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เพื่อสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเวียดนาม
ตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา เวียดนามมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างดี โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวร้อยละ 5.66 จากปีก่อนหน้า ในช่วง 4 เดือนแรกของ ปี 2567 รายได้งบประมาณแผ่นดินคิดเป็นร้อยละ 43.1 ของแผนทั้งหมดในปี 2567 อนึ่ง มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และได้ดุลการค้าดุลประมาณ 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในปี 2567 รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้า GDP ขยายตัวร้อยละ 6-6.5 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4-4.5 GDP ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 4,700 -4,730 ดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนของอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตใน GDP อยู่ที่ประมาณร้อยละ 24 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ร้อยละ 4-4.5 เพื่อการกระตุ้นการขยายตัวควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคอย่างยั่งยืน
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: Bao Chinh Phu วันที่ 22 พฤษภาคม 2567