ในห้วงการประชุม G20 Rio de Janeiro Summit ระหว่างวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2567 นาย Pham Minh Chinh นายกรัฐมนตรีเวียดนามเรียกร้องให้กลุ่ม G20 มีความมุ่งมั่นทางการเมือง มีการจัดสรรทรัพยากรให้มากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนโครงการและแผนงานขจัดความยากจนซึ่งถือเป็นความท้าทายที่สำคัญที่ทุกประเทศควรจะร่วมมือกัน และเน้นย้ำถึงความสำเร็จของเวียดนามในฐานะต้นแบบแห่งความสำเร็จในด้านนี้ จากประเทศที่ประสบภัยสงครามและความยากจน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามเกือบ 40 ปีและการคว่ำบาตร 30 ปี ในห้วงที่ผ่านมา เวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษของสหประชาชาติได้เร็วกว่ากำหนดถึงหนึ่งทศวรรษ โดยลดอัตราความยากจนจากกว่าร้อยละ 58 ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เหลือเพียงประมาณร้อยละ 1.9 ในปีนี้
นายกรัฐมนตรีเวียดนามเสนอแนวทางการดำเนินการเพื่อขจัดความยากจน 3 ประการ ได้แก่ (1) การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคง สันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในการพัฒนา โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การค้า การเกษตร และความมั่นคงทางอาหาร (2) ความร่วมมือด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของโลกที่ยั่งยืนและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว ตลอดจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเรียกร้องให้ประเทศ G20 เร่งรัดการถ่ายโอนเทคโนโลยี การช่วยเหลือทางด้านเทคนิค รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา และ (3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา การฝึกอบรม และการมีสวัสดิการทางสังคมที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยการมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยืนยันว่าเวียดนามมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนระบบพหุภาคี และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความพยายามระดับโลกเพื่อขจัดความหิวโหยและบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเวียดนามพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และร่วมมือกับประเทศในกลุ่ม G20 และองค์การระหว่างประเทศในการดำเนินโครงการ South-South และ Trilateral programs ต่อไป
นอกจากนี้ ในห้วงการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำความสำคัญของความเร่งด่วนในการบรรลุข้อตกลง Vietnam – MERCOSUR FTA ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าระหว่างเวียดนามและประเทศในภูมิภาคละตินอเมริกาด้วย
อนึ่ง ปัจจุบัน เวียดนามมี FTA ทั้งหมด 17 ฉบับ ครอบคลุม 60 ประเทศทั่วโลก
(ประมวลข้อมูลโดยศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย)
ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่นวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567