
นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ประกาศห้ามรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงโดยสารเข้ามาในเขตใจกลางกรุงฮานอยภายในเดือนกรกฎาคม 2569 ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในเวียดนามมีการแข่งขันสูง มีผู้ผลิตกว่า 10 รายที่เข้ามาแข่งขันในตลาด ทั้งในกลุ่มราคาประหยัด ราคาระดับกลาง และราคาพรีเมียมโดยแบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ VinFast, Yadea และ Honda ความน่าสนใจคือ ราคาเริ่มต้นของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าใกล้เคียงกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจกับต้นทุนการใช้งานระยะยาวมากขึ้น แทนที่จะพิจารณาเฉพาะราคาเพียงอย่างเดียว
ข้อได้เปรียบหลักของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคือ “ต้นทุนการใช้งานต่ำ” โดยการชาร์จแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้งสามารถวิ่งได้ระยะทาง 50–90 กิโลเมตร ด้วยราคาค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าราคาน้ำมันอย่างมาก อย่างไรก็ตามยังคงมีข้อจำกัดสำคัญ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จและสถานีสลับแบตเตอรี่ที่ยังไม่ครอบคลุม ความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งมักเสื่อมสภาพภายใน 2–3 ปี ต้นทุน การเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สูง และคุณภาพบริการหลังการขายที่ยังไม่มีมาตรฐานชัดเจน
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ข้างต้น รัฐบาลเวียดนามจึงจะต้องลงทุนในสถานีชาร์จและสลับแบตเตอรีเข้าถึงง่ายและเชื่อถือได้ และพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และมีต้นทุนที่ต่ำลง รวมถึงยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและการบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และผลักดันให้การเปลี่ยนผ่านจากรถจักรยานยนต์ใช้น้ำมันไปสู่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในเมืองใหญ่ของเวียดนามประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน