เพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชนในจังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่าที่ขอให้รัฐบาลเวียดนามหาแนวทางเพิ่มวงเงินสินเชื่อสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของภาคอสังหาฯ ที่ปัจจุบันเริ่มชะลอตัวลง ธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) ได้มีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการดังนี้
(1) ปล่อยกู้สินเชื่อสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีความสามารถในการหาลูกค้า ตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง และมีแผนการชำระหนี้รองรับ
(2) ควบคุมความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ที่ปัจจุบันมีมากเกินความต้องการของตลาด โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีอุปสงค์จริงหรือธุรกิจที่มีลักษณะของการเก็งกำไร ปั่นราคา และสร้างผลเสียต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
(3) ควบคุมปริมาณสินเชื่อที่กระจุกตัวอยู่กับกลุ่มลูกค้าใหญ่ กลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้ที่เกี่ยวข้องของผู้ถือหุ้นสถาบันการเงิน
(4) ลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อให้สามารถลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้ SBV ระบุว่า ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหากฎหมาย โดยเงินทุนเป็นเพียงหนึ่งในปัญหาหลาย ๆ ด้าน และการปล่อยสินเชื่อเป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการระดมเงินทุน การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจึงต้องดำเนินการควบคู่กันหลายทาง โดยนอกจากมาตรการทั้ง 4 ข้อข้างต้น SBV ขอให้สถาบันการเงินต่าง ๆ รายงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาทางกฎหมายในการดำเนินโครงการต่าง ๆ
นอกจากนี้ SBV ยังให้ข้อมูลว่า ในช่วงปี 2563-2565 สัดส่วนสินเชื่อคงค้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมดได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 21 ณ สิ้นปี 2565 โดยในปี 2566 SBV ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมที่ร้อยละ 14 – 15 และสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความต้องการด้านเงินทุนสำหรับอุตสาหกรรมและสาขาต่าง ๆ
อนึ่ง ภายหลังการประชุมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ของรัฐทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ Viettin, Vietcom, BIDV และ AgriBank ได้ออกโครงการสินเชื่อมูลค่า 120 ล้านล้านด่ง สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยราคาประหยัดสำหรับคนงานและผู้มีรายได้น้อย (social housing) โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ร้อยละ 1.5 – 2
ที่มา: Thanhnien วันที่ 22 มีนาคม 2566
