
ข้อมูลจากกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ระบุว่า แผนพัฒนาไฟฟ้าแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (PDP8) ยังมีประเด็นที่ต้องแก้ไขเกี่ยวกับการดึงดูดและสนับสนุนนักลงทุนภาคเอกชนร่วมลงทุนในกิจการไฟฟ้า รวมถึงการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งภายใต้แผน PDP8 ต้องการเงินทุนสำหรับการพัฒนาแหล่งพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้าโดยประมาณอยู่ที่เกือบ 135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงปี 2574-2593 (ค.ศ. 2031-2050) ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า อยู่ระหว่าง 399,200-532,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยละ 88 ของเงินลงทุนถูกจัดสรรให้กับแหล่งพลังงาน และเหลือร้อยละ 12 สำหรับการยกระดับและพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า
ด้วยความต้องการเงินทุนจำนวนมาก MPI จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางเศรษฐกิจทั้งหมด และการจัดหาแหล่งการเงินทุน รวมถึงพันธมิตรจากต่างประเทศจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินการตามแผนพลังงานของประเทศให้สำเร็จ นอกเหนือจากการพึ่งพารัฐวิสาหกิจในการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผน PDP8 MPI แนะนำให้รัฐบาลแสวงหาและสนับสนุนนักลงทุนเอกชนให้เข้าร่วมในแผนดังกล่าว ซึ่งอาจช่วยให้แผน PDP8 มีความคืบหน้าอย่างราบรื่น
ทั้งนี้ MPI มีข้อสังเกตกรณีที่โครงการพลังงานในประเทศประสบกับความล่าช้าเป็นเวลานาน รวมทั้งโครงการได้รับการอนุมัติและมอบหมายแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ หรือกำลังดำเนินการอย่างช้ามาก หรือกรณีที่ไม่ตรงตามความสามารถในการดำเนินการ แต่ยังไม่ถูกยกเลิก
ในขณะที่รอให้ระยะแรกของ PDP8 เสร็จสิ้น เวียดนามได้มองหาแหล่งพลังงานทางเลือกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา เวียดนามได้รับการจัดส่ง LNG ครั้งแรก และอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อนหน้านี้ ประเทศตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าจาก LNG ให้ได้ 20 GW ภายในปี 2573 คิดเป็นประมาณร้อยละ 15 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดโดยจ่ายไฟให้กับ 20 ล้านครัวเรือนและช่วยแบ่งเบาภาระในระบบไฟฟ้าของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกล่าวว่า การจัดหา LNG ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมจะเผชิญกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวียดนามกำลังจะหันเหจากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ในขณะเดียวกัน เวียดนามจะต้องแข่งขันกับผู้ซื้อจากจีน เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหากไม่มีสัญญาระยะยาวกับซัพพลายเออร์ เวียดนามจะประสบกับราคาที่ผันผวนซึ่งเคยบันทึกว่าพุ่งสูงถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อ mmBtu (หน่วยความร้อนของอังกฤษ) ในปีที่ผ่านมา และปัจจุบันคงที่ที่ 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อ mmBtu
อนึ่ง ผู้ผลิตไฟฟ้าและการไฟฟ้าแห่งเวียดนาม (EVN) กำลังต้องจัดการกับปัญหาภายในที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจัดหาและการกำหนดราคา เนื่องจากความยากลำบากในการเจรจาราคาและการขยายสัญญาระหว่างนักลงทุนพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์กับบริษัท Power Trading Company (EVNEPTC) บริษัทในเครือของ EVN ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานมีข้อกังวลว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมอาจจะชะลอตัวลง ในขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศยังคงค้างอยู่
บทความแปลจาก VietnamNews วันที่ 16 สิงหาคม 2566 https://vietnamnews.vn/economy/1582495/vn-s-power-plan-lacks-mechanisms-to-attract-private-investors.html
* * * * *
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย
สิงหาคม ๒๕๖๖