นครโฮจิมินห์นับว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเป็นเมืองที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยสนใจในการเข้ามาลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจไทยการเปิดร้านอาหารไทย สำหรับร้านอาหารไทยชื่อดังในนครโฮจิมินห์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือชาวไทยที่อาศัยอยู่ในนครโฮจิมินห์ไม่มีใครไม่รู้จัก 3 ร้านอาหารไทยชื่อดังได้แก่ ร้านช้างทอง ร้านไทยเฮ้าส์ และร้านสามย่านซีฟู๊ด ในวันนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ การทำการตลาด กลยุทธ์ของร้านอาหารเพื่อดึงลูกค้า ทำเลที่ตั้งร้าน ตลอดจนอุปสรรคในการเริ่มต้นธุรกิจในนครโฮจิมินห์
จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยทั้ง 3 ร้านนั้นพบว่าทั้ง คุณธงชัย พานทอง (คุณเบิร์ด ร้านช้างทอง) คุณชีพโรจน์ ประภัสสร (คุณชีพ ร้านไทยเฮาส์) และคุณวีรชัย มงคล (คุณติ๋ง ร้านสามย่านซีฟู๊ด) ล้วนแต่เป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในนครโฮจิมินห์มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และผ่านประสบการณ์ความยากลำบากในการเริ่มลงทุนธุรกิจมาทั้งสิ้น โดยทั้ง 3 ท่านเริ่มชีวิตในเวียดนามในฐานะลูกจ้างและต่อมาจึงผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการในภายหลัง เช่น คุณเบิร์ด ที่เคยเป็นอดีตลูกจ้างร้านอาหารฝรั่งเศสและคุณชีพลูกจ้างบริษัท Inkjet อีกทั้งเมื่อเวียดนามเป็นประเทศที่เพิ่งเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจได้เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้การเริ่มธุรกิจในสมัยแรกของผู้ประกอบการไทยนั้นต้องพบกับอุปสรรคมากมาย ทั้งอุปสรรคทางกฎหมายเกี่ยวกับการเข้ามาประกอบการร้านอาหารของชาวต่างชาติ ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 3 ข้างต้นนั้นล้วนแล้วแต่มีคนรู้จักหรือหุ้นส่วนที่เป็นคนเวียดนามทำให้เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเริ่มต้นธุรกิจในเวียดนาม ร้านอาหารทั้ง 3 ร้าน มีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าชาวเวียดนามมากที่สุดโดยเฉลี่ยร้อยละ 70 ของลูกค้าทั้งหมด ลำดับรองลงมาคือลูกค้าชาวต่างชาติเฉลี่ยร้อยละ 20 และชาวไทยอีกร้อยละ 10 การเลือกทำเลตั้งร้านอาหารนั้นจะเลือกจากทำเลที่ตั้งที่และยุทธศาสตร์การตลาดของร้านอย่างเช่น เขต 1 และเขต 3 ที่มีผู้คนอาศัยและสัญจรหนาแน่น หรือเขตนอกเมืองที่จะดึงดูดคนชั้นกลางได้มากตามแต่ละรูปแบบการการดำเนินกิจการร้านอาหารจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยทั้ง 3 ร้านนั้นพบว่าทั้ง คุณธงชัย พานทอง (คุณเบิร์ด ร้านช้างทอง) คุณชีพโรจน์ ประภัสสร (คุณชีพ ร้านไทยเฮาส์) และคุณวีรชัย มงคล (คุณติ๋ง ร้านสามย่านซีฟู๊ด) ล้วนแต่เป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในนครโฮจิมินห์มาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และผ่านประสบการณ์ความยากลำบากในการเริ่มลงทุนธุรกิจมาทั้งสิ้น โดยทั้ง 3 ท่านเริ่มชีวิตในเวียดนามในฐานะลูกจ้างและต่อมาจึงผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการในภายหลัง เช่น คุณเบิร์ด ที่เคยเป็นอดีตลูกจ้างร้านอาหารฝรั่งเศสและคุณชีพลูกจ้างบริษัท Inkjet อีกทั้งเมื่อเวียดนามเป็นประเทศที่เพิ่งเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจได้เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้การเริ่มธุรกิจในสมัยแรกของผู้ประกอบการไทยนั้นต้องพบกับอุปสรรคมากมาย ทั้งอุปสรรคทางกฎหมายเกี่ยวกับการเข้ามาประกอบการร้านอาหารของชาวต่างชาติ ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 3 ข้างต้นนั้นล้วนแล้วแต่มีคนรู้จักหรือหุ้นส่วนที่เป็นคนเวียดนามทำให้เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเริ่มต้นธุรกิจในเวียดนาม ร้านอาหารทั้ง 3 ร้าน มีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าชาวเวียดนามมากที่สุดโดยเฉลี่ยร้อยละ 70 ของลูกค้าทั้งหมด ลำดับรองลงมาคือลูกค้าชาวต่างชาติเฉลี่ยร้อยละ 20 และชาวไทยอีกร้อยละ 10 การเลือกทำเลตั้งร้านอาหารนั้นจะเลือกจากทำเลที่ตั้งที่และยุทธศาสตร์การตลาดของร้านอย่างเช่น เขต 1 และเขต 3 ที่มีผู้คนอาศัยและสัญจรหนาแน่น หรือเขตนอกเมืองที่จะดึงดูดคนชั้นกลางได้มากตามแต่ละรูปแบบการการดำเนินกิจการร้านอาหาร
คุณเบิร์ด เจ้าของร้านช้างทอง
ร้านอาหารไทยทั้ง 3 แห่งตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าหากจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารต้องใส่ใจใน การบริการแบบไทย ที่เข้าใจลูกค้าและคงเอกลักษณ์ที่มีความโดดเด่น รสชาติอาหารไทยดั้งเดิม พ่อครัวที่เป็นคนไทย วัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศไทย ความสดใหม่ของอาหาร ตลอดจนความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ รสชาติอาหารนั้นก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งร้านอาหารไทยทั้ง 3 ร้านนั้นก็มีเอกลักษณ์และการบริการที่มีรูปแบบของตนเอง อาทิ ร้านช้างทองเป็นร้านอาหารไทยที่ใส่ใจกับรายละเอียดของวัตถุดิบ มีอาหารยอดนิยมอย่าง แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง ผัดไทย เป็นต้น และเมื่อไม่นานมานี้ คุณเบิร์ดยังได้ขยายสาขาไปยังเขต Tan Binh และเขต 10 (ร้านบุฟเฟต์อาหารไทย) ส่วนร้านไทยเฮ้าส์นั้นจะเน้นอาหารที่มีความเข้มข้นและรสชาติจัดจ้าน อย่างส้มตำ ยำวุ้นเส้น ผัดกระเพราเป็นต้น และร้านสามย่านซีฟู๊ดเป็นอาหารประเภทอาหารทะเลที่เน้นความสด สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 3 ร้านให้ความสำคัญคือการคงไว้ซึ่งความเป็นต้นตำรับ (authentic) ในรูปแบบของแต่ละร้าน
ในด้านการตลาดนั้นทั้ง 3 ร้านนั้นใช้การดำเนินกลยุทธ์แบบ “ปากต่อปาก” ก็ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ร้านช้างทองเน้นด้านความสะอาดและราคาที่สมเหตุสมผล สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ร้านไทยเฮาส์เน้นรูปแบบที่เป็นกันเอง เหมาะสำหรับการสังสรรค์ ร้านสามย่านซีฟู๊ดจะเน้นรูปแบบครอบครัว อย่างไรก็ดี แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติในนครโฮจิมินห์นั้นไม่ง่ายเท่าใด เนื่องจากเจ้าของธุรกิจทั้ง 3 ท่านต่างประสบปัญหาคล้ายคลึงกันในเรื่องเกี่ยวกับแรงงานซึ่งแรงงานชาวเวียดนามส่วนใหญ่มีความแตกต่างกับแรงงานไทยในเรื่องของความคิด ความรับผิดชอบ ตลอดจนวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่าง ทำให้การควบคุมบริหารจัดการกับแรงงานชาวเวียดนามนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเพื่อพัฒนาคุณภาพพนักงานและโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อครัวที่เป็นหัวใจหลักของร้านอาหาร นอกจากประเด็นปัญหาเรื่องแรงงานแล้ว บางครั้งยังมีปัญหาเรื่องของการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่าหรือการโกงจากหุ้นส่วนชาวเวียดนามอีกด้วย
คุณชีพ เจ้าของร้านไทยเฮาส์
ในปัจจุบันนั้น ร้านอาหารไทยในนครโฮจิมินห์ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นจากคนเวียดนามทำให้ขนาดของธุรกิจร้านอาหารไทยขยายตัวใหญ่ขึ้นและมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคู่แข่งมีจำนวนมากขึ้น การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดย่อมเป็นสิ่งที่มีความสำคัญการรักษาคุณภาพของอาหารให้มีความคงที่ในเรื่องของความสดสะอาดและการให้บริการ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการทั้ง 3 ท่านต่างมองว่ายิ่งมีคู่แข่งในตลาดมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวผู้บริโภคและผู้ให้บริการ ในแง่ของการพัฒนาปรับปรุงร้านอาหารให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ความนิยมอาหารไทยในเวียดนามมีเสียงตอบรับที่ดีมากมาโดยตลอดและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอาหารไทยเป็นที่นิยมของคนจากทั่วโลกอยู่แล้ว ทำให้การดึง ลูกค้าเข้ามายังร้านทั้ง 3 แห่งนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวก
คุณเบิร์ดแห่งร้านช้างทองมองว่ายังมีโอกาสที่ธุรกิจร้านอาหารไทยจะเติบโตได้อีกมากใน นครโฮจิมินห์ ซึ่งแน่นอนว่าร้านอาหารไทยทั้ง 3 ร้านข้างต้น ต่างก็มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ดำเนินงานของร้านในอนาคต ทั้ง 3 ร้านต่างก็มีแผนที่จะที่จะขยับขยายสาขาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ เพื่อขยายการลงทุนร้านอาหารไทยในเขตที่เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น บริเวณเขต 7 และเขตที่มีค่าเช่าพื้นที่ในราคาย่อมเยาอย่างเขต 2 และเขต 10 รวมถึงจังหวัดโดยรอบอื่นๆ เช่น จังหวัดบิ่นห์เยือง เป็นต้น ซึ่งล่าสุดร้านช้างทองได้ดำเนินการขยายสาขาไปยังเขต Tan Binh บริเวณสนามบินนานาชาติ Tan Son Nhat เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งร้านไทยเฮ้าส์นั้นยังได้มีแนวความคิดเกี่ยวกับการขยายธุรกิจในการบริการจัดส่งข้าวกล่อง ส่วนร้านสามย่านซีฟู๊ดเองก็มีแผนที่จะรุกเข้าไปยังตลาดทัวร์ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการจำนวนมากในอนาคต
คุณติ๋ง ผู้จัดการร้านสามย่านซีฟู๊ด
ร้านอาหารทั้ง 3 แห่งนั้นถือได้ว่าเป็นร้านอาหารไทยที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในเวียดนามมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เคล็ดลับความสำเร็จของการทำร้านอาหารไทยนั้น สิ่งที่ต้องใส่ใจมากที่สุดคือ คุณภาพอาหาร การให้บริการที่มีความเป็นไทย และรสชาติอาหารที่ คงความเป็นไทยแท้ในการดึงดูดลูกค้ามาสู่ร้าน ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฎิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐ การดำเนินกิจการด้วยความซื่อสัตย์ ตลอดจนครอบครองใบอนุญาตการประกอบร้านอาหารให้ครบถ้วน
ท้ายที่สุด ทั้ง 3 ท่านให้ข้อแนะนำถึงการลงทุนในเวียดนามว่า ธุรกิจที่มีขนาดเล็กจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วหาก ให้มุ่งเน้นในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียวในตอนเริ่มต้น อีกทั้งงบประมาณในการลงทุนเมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วยังถูกกว่าถึงเท่าตัว และด้วยบริบทสังคมเวียดนาม ที่กำลังจะก้าวสู่ประเทศที่มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่สูงขึ้นและแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของชนชั้นกลาง ทำให้ทั้ง 3 ร้านมองว่าโอกาสในการลงทุนภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งมิใช่เพียงแค่ร้านอาหารไทยยังมีอยู่มาก เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจและจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองทำรวมถึงควรศึกษาข้อมูลกฏระเบียบสภาพตลาดก่อนการลงทุนภายในเวียดนามอย่างละเอียด
ขั้นตอนการเปิดร้านอาหารไทยในเวียดนาม
ตามพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization) เวียดนามได้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจบริการร้านอาหารในเวียดนาม ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการต่างชาติสามารถจัดตั้งและเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารในเวียดนามได้ร้อยละ 100 หรือร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนชาวเวียดนาม
สำหรับการจัดตั้งร้านอาหารของผู้ประกอบการไทยควรรับคำปรึกษาจากสำนักงานกฎหมายที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในท้องถิ่น เนื่องจากเอกสารราชการทั้งหมดเป็นภาษาเวียดนาม โดยมีขั้นตอนการดำเนินการเพื่อขออนุญาตลงทุนการเตรียมเอกสาร ระยะเวลาและค่าใช้จ่าย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การขออนุญาตลงทุน (ตรวจสอบชื่อบริษัท ใบรับรองการลงทุน ใบอนุญาตจัดตั้งธุรกิจ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ใช้เวลา 5 – 18 วัน ที่สำนักงานการวางแผนและการลงทุนแต่ละจังหวัด ค่าใช้จ่าย 10 ดอลลาร์สหรัฐ
2. ทำตราประทับบริษัทและลงทะเบียนตราประทับตัวอย่าง ใช้เวลา 2 – 4 วัน สำนักงานการวางแผนและการลงทุนแต่ละจังหวัดหรือสำนักงานตำรวจแต่ละจังหวัด ค่าใช้จ่าย 10 – 20 ดอลลาร์สหรัฐ
3. เปิดบัญชีธนาคาร ใช้เวลา 1 วัน ที่ธนาคารพาณิชย์ ไม่มีค่าใช้จ่าย
4. ซื้อเล่มใบเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Invoice) จากสำนักงานจัดเก็บภาษีในเขตเทศบาลเมือง ใช้เวลา 10 วัน ที่สำนักงานสรรพากรประจำจังหวัด ค่าใช้จ่าย 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เล่ม
5. เผยแพร่เนื้อหาการลงทะเบียนในพอร์ทัลจดทะเบียนธุรกิจแห่งชาติภายใน 30 วันหลังจากวันที่ก่อตั้งธุรกิจ ใช้เวลา 5 วัน ที่ National Business Registration Portal ค่าใช้จ่าย 35 ดอลลาร์สหรัฐ
6. ชำระใบภาษีอนุญาตประกอบธุรกิจ ใช้เวลา 1 วัน ที่สำนักงานสรรพากรประจำจังหวัด ค่าใช้จ่าย 50 ดอลลาร์สหรัฐ
7. ลงทะเบียนกับสำนักงานแรงงานในท้องถิ่นในการประกาศใช้แรงงาน ใช้เวลา 1 วัน ที่สำนักงานแรงงานทหารผ่านศึกและสวัสดิการประจำจังหวัด ไม่มีค่าใช้จ่าย
8. ลงทะเบียนกับกองทุนประกันสังคมสำหรับการชำระค่าประกันสุขภาพและประกันสังคม ใช้เวลา 1 วัน ที่สำนักงานประกันสังคมประจำจังหวัด ไม่มีค่าใช้จ่าย
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 110 – 120 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้เวลาประมาณ 50 – 60 วัน
นอกจากนี้ ผู้เปิดกิจการร้านอาหารจะต้องมีใบอนุญาตดังต่อไปนี้
แหล่งข้อมูล
Thai Trade Center – Ho Chi Minh City, Vietnam
ร้านช้างทองสาขา 1
ที่ตั้ง : 34 ถนน Hai Ba Trung แขวง Ben Nghe
เขต 1 นครโฮจิมินห์
ร้านช้างทองสาขา 2 (บุฟเฟต์)
ที่ตั้ง : ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้า Maximark เขต 10
นครโฮจิมินห์
ร้านช้างทองสาขา 3
ที่ตั้ง : 105 ถนน Tran Quoc Hoan แขวง 4
เขต Tan Binh นครโฮจิมินห์
ร้านไทยเฮาส์
ที่ตั้ง : 21B ถนน Hau Giang แขวง 4 เขต Tan Binh
นครโฮจิมินห์
ร้านสามย่านซีฟู๊ด
ที่ตั้ง : 102-104 ถนน Le Lai แขวง Ben Thanh เขต 1 นครโฮจิมินห์