จังหวัดต่างๆ ของเวียดนามในเขตกงสุลตื่นตัวกับกฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้ชาวเวียดนามเล่นการพนันและเข้าคาสิโนได้ภายใต้กฎหมายชั่วคราวมาตรา 06/2017/ ND-CP ซึ่งจะรวมถึงการเล่นการพนันการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ การแข่งม้า การแข่งสุนัข และการเล่นการพนันที่คาสิโน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งกฎหมายชั่วคราวนี้ถูกมองว่าจะเป็นการปูทางให้นักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ลงทุนในการแข่งขันประเภทต่างๆ สถานที่ทำการพนันจะต้องอยู่ห่างจากโรงเรียนและสถานที่สาธารณะสำหรับเด็ก 500เมตร จำนวนเงินขั้นต่ำในการพนันจะอยู่ที่ 10,000 ด่ง (0.45 ดอลลาร์สหรัฐ) และสูงสุดต่อวันจะอยู่ที่ 1 ล้านด่ง (45.45 ดอลลาร์สหรัฐ)
จากรายงานของกระทรวงการคลัง จังหวัดในเขตกงสุลมีคาสิโน 3 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตให้ชาวต่างชาติเล่นอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย (1) Casino Ho Tram จังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า (2) Casino Crowne Da Nang นครดานัง และ (3) Casino Nam Hoi An จังหวัดกว๋างนาม และในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเปิดคาสิโนที่อนุญาตให้ชาวเวียดนามเล่นการพนันได้อย่างถูกกฎหมายในเขตภาคใต้และภาคกลางมากขึ้น เพราะภาคกลางและภาคใต้ถูกพิจารณาว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญในการนำกฎหมายนี้มาปรับใช้ให้บรรลุผลสำเร็จที่วางไว้
กฎหมายนี้อนุญาตให้เล่นการพนันฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) และได้รับการอนุญาตโดยกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวเท่านั้น ผู้ลงทุนการเปิดให้เล่นพนันจะต้องมีเงินลงทุน 1 ล้านล้านด่ง (45.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการแข่งม้าและการแข่งฟุตบอล และ 300 พันล้านด่ง (13.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการแข่งสุนัข การประมูลผู้ถือสัมปทานการจัดการพนันจะถูกจัดขึ้นเพื่อคัดเลือกผู้ให้บริการเล่นการพนันฟุตบอลในระยะ 5 ปี เริ่มต้น ทั้งนี้นาย Nguyen Dinh Chau รองผู้อำนวยการสถาบันการพัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืนกล่าวกับสำนักข่าว Vietnam Investment Review ว่าการออกกฎหมายชั่วคราวนี้เป็นก้าวที่สำคัญในอุตสาหกรรมการพนันของเวียดนามและจะช่วยให้คนเวียดนามไม่ต้องข้ามชายแดนไปเล่นการพนันที่ต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่ข้ามไปเล่นการพนันส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีถิ่นอาศัยในภาคใต้ของเวียดนาม
ชาวเวียดนามโดยเฉพาะชาวภาคใต้สามารถข้ามไปเล่นการพนันได้ที่ คาสิโนบนเกาะ Phu Quoc ที่ใกล้กับชายแดนประเทศกัมพูชาซึ่งมีโรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และยังเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากนครโฮจิมินห์ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลจะให้อนุญาตเป็นพื้นที่แรก นอกจากนั้นการที่เวียดนามเปิดเสรีการพนันให้กับคนในชาติจะส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศคึกคักขึ้นอีกด้วย
โรงแรม The Grand Ho Tram ในจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นชาวอเมริกาก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะเป็นโครงการรีสอร์ทคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งโรงแรมได้ลงทุนไปมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีห้องให้บริการ 550 ห้อง นอกจากนั้นยังมีสนามกอล์ฟที่ถูกดีไซน์โดย นาย Greg Norman และโรงแรมอีกตึกหนึ่งก็กำลังถูกสร้างอยู่ และตั้งอยู่ไม่ไกลจากนครโฮจิมินห์ นอกจากนั้นรีสอร์ต The Hoi An South และ Banyan Tree ในจังหวัดกว๋างนามก็เตรียมพร้อมที่จะยื่นขอใบอนุญาตด้วยเช่นกัน
การเปิดเสรีการเล่นการพนันแก่ชาวเวียดนามส่งผลให้เกิดการลงทุนภายในชาติและต่างชาติมากมาย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท โครงการก่อสร้าง Golden Turf Club มูลค่าการลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จังหวัดฟู้เอียน และ บริษัท Hong Kong’s Matrix Holdings เตรียมการสร้างสนามแข่งม้าในนครดานัง นอกจากนั้นเวียดนามยังได้รับความสนใจจากบริษัทระดับโลกด้านการพนันอย่างบริษัท Genting Group และมหาเศรษฐีอย่าง Sheldon Adelson เจ้าของคาสิโน Las Veges Sands หากโครงการนำร่องนี้ประสบความสำเร็จอาจจะส่งผลให้เกิดการลงทุนจำนวนมหาศาลของนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาสู่เวียดนามได้อีกเป็นจำนวนมหาศาล นอกจากนั้นโครงการ Dai Nam Race Course ซึ่งเป็นสนามแข่งรถ แข่งม้า และแข่งสุนัขในจังหวัดบินห์เยือง ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขนาดพื้นที่ 60 เฮกตาร์ สามารถรองรับคนได้ 18,000 คน ก็ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมกราคม 2560
เวียดนามจะดึงดูดบริษัทการพนันคาสิโนทั่วโลกเนื่องจากมีแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวที่มั่นคงและด้วยจำนวนประชากรกว่า 90 ล้านคน บวกด้วยประชากรในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 600 ล้านคน นอกจากนั้นเวียดนามยังมีประเทศที่งดงาม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีชายทะเลที่ยาวกว่า 3,400 กิโลเมตร รวมถึงมีรีสอร์ทที่เพรียบพร้อมและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในภาคกลางและภาคใต้ เวียดนามสามารถเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวและนักเล่นการพนันทั่วโลก นอกจากนั้นการที่เวียดนามอนุญาตให้ประชาชนสามารถเล่นการพนันได้เป็นที่น่าสนใจยิ่งกว่าคาสิโนที่เปิดในประเทศเกาหลีที่อนุญาตให้คนเกาหลีเล่นการพนันได้ในที่เดียวเท่านั้นซึ่งตั้งอยู่ไกลมาก นาย Jun Young Jin ผู้อำนวยการยุทธศาสตร์บริษัท G.O.MAX I&D กล่าวว่าพวกเขาตื่นเต้นมากและรอคอยโอกาสนี้มา 10 ปีแล้ว ทางบริษัทจะลงทุนในโครงการการพนันมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การแข่งม้าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากและนักลงทุนชาวเกาหลีหลายคนก็สนใจที่จะลงทุนในโครงการด้านการพนันในเวียดนามเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนหลายคนที่เคยคิดจะล้มเลิกแผนการลงทุนคาสิโนในเวียดนามเมื่อหลายปีก่อนก็กำลังคิดที่จะหันกลับมาลงทุนในโครงการคาสิโนในเวียดนามด้วย ยกตัวอย่างเช่นบริษัท MGM Resorts ที่เคยหันหลังให้กับโครงการลงทุน Ho Tram ในจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า เมื่อปี พ.ศ. 2556 ก็ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพราะคิดว่าจะกลับมาลงทุนในธุรกิจการพนันอีกครั้งหนึ่งในภาคใต้ของเวียดนาม นอกจากนั้น บริษัท Malaysian Genting Group ซึ่งเคยคิดจะลงทุนในเวียดนามเมื่อปี พ.ศ. 2553 ก็คิดจะกลับมาลงทุนโครงการการพนันมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในประเทศเวียดนาม นอกเหนือจากนั้น มีบริษัทนักลงทุนรายหนึ่งบินมาที่นครโฮจิมินห์ภายหลังจากกฏหมายชั่วคราวนี้ได้ถูกประกาศใช้ นักลงทุนรายนี้กล่าวว่าพวกเขาสนใจที่จะมาลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้ชาวเวียดนามสามารถเล่นการพนันในโครงการของพวกเขาได้
ที่จริงแล้วในเวียดนามมีโครงการนำร่องให้สามารถเล่นการพนันม้าและสุนัขในจังหวัดฝูทอและจังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า แต่สนามม้าในจังหวัดฝูทอถูกปิดไปในปี พ.ศ. 2554 หลังจากให้บริการมาเกือบ 10 ปี
รองผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมของกระทรวงการคลังกัมพูชา นาย Ros Phirun กล่าวว่าการออกกฎหมายเสรีการพนันและคาสิโนนี้สร้างความวิตกกังวลให้กับธุรกิจคาสิโนของกัมพูชา เพราะจะส่งผลกระทบให้กับผู้ประกอบการในกัมพูชาโดยตรง และจะสร้างการแข่งขันระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เล่นชาวเวียดนามที่มีถิ่นพำนักอยู่ทางภาคใต้ที่ใช้บริการคาสิโนที่ด่านผ่านแดนปอยเปตและด่านผ่านแดนบาเว็ทลดลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสำรวจที่ชายแดนจังหวัดเต็ยนิญมีชาวเวียดนามวันละประมาณ 200 คน และหากเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์อาจจะมีมากถึง 700 – 800 คน ข้ามชายแดนไปเล่นคาสิโนในฝั่งกัมพูชา มูลค่าการเล่นการพนันในกัมพูชาของชาวเวียดนามประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวกัมพูชารายงานว่า เมื่อปี พ.ศ. 2559 กัมพูชามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด 5,011,712 คน ในจำนวนนั้นร้อยละ 19.1 เป็นชาวเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม นาย Oliver Massamann ผู้อำนวยการบริษัทให้คำปรึกษาทางกฎหมาย Duane Morris Vietnam LLC กล่าวว่าการที่รัฐบาลอนุญาตให้ผู้ลงทุนโครงการการพนันเพียงแค่เจ้าเดียวในเวียดนามอาจจะก่อให้เกิดการผูกขาดทางการตลาดได้ นอกจากนั้นหากนักลงทุนบริษัทใดก็ตามไม่ได้รับการคัดเลือกจากทางรัฐบาล ก็มีแนวโน้มว่าการพนันฟุตบอลแบบผิดกฎหมายจะยังคงอยู่ต่อไป มันจะดีกว่านี้หากรัฐบาลมีกฎหมายที่เข้มข้นรัดกุมมากขึ้น มากกว่าการที่จะเลือกให้สัมปทานแก่บริษัทใดบริษัทหนึ่งแค่เจ้าเดียว และมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจในอนาคตว่าทิศทางหลังจาก 3 – 5 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร และถึงแม้จะเปิดให้เล่นการพนันเสรีคาสิโนได้ในเวียดนาม แต่ก็ยังยากที่คนเวียดนามจะสามารถเข้าไปเล่นได้
จากข้อกำหนดเกี่ยวกับธุรกิจการพนันคาสิโนในเวียดนามที่พึ่งจะประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2559 คนเวียดนามสามารถเล่นการพนันที่คาสิโนที่รัฐบาลให้อนุญาติได้อย่างถูกกฎหมาย ข้อกำหนดนี้มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 3 ปี แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะให้คนเวียดนามเล่นการพนันได้อย่างถูกกฎหมายเพราะจำกัดให้เฉพาะคนที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไปและมีเงินประจำขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อปีหรือเสียภาษีตั้งแค่ขั้น 3 ขึ้นไป และจำกัดตั๋วให้เล่นต่อวันเพียงแค่ 1 ล้านด่ง หรือ 25 ล้านด่ง ต่อ 1 เดือน
เนื่องมาจากธุรกิจการพนันเป็นธุรกิจที่บอบบาง ดังนั้นจึงต้องมีกฎข้อบังคับที่รัดกุมมากขึ้น เช่นคนเล่นการพนันต้องได้รับอนุญาตจากครอบครัว หากครอบครัวไปตามหรือมีใบแจ้งจากทางครอบครัวก็จะไม่ให้เข้าเล่น อย่างไรก็ตามผู้นำในกระทรวงการคลังก็แจ้งว่าการออกกฎให้คนเข้าเล่นการพนันต้องมีเงินเดือนขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อเดือนหรือเสียภาษีขั้น 3 ขึ้นไป เป็นเรื่องที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว รวมถึงได้มีการถามความคิดของกระทรวงต่างๆ หน่วยงานต่างๆ และผู้คนเป็นจำนวนมากเรียบร้อยแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าการออกข้อกำหนดว่าใครสามารถเล่นการพนันได้เป็นเรื่องที่จำเป็น แต่มาตรฐานที่ออกมานี้ยังขาดความชัดเจนและยากที่จะตรวจสอบ นาย Nguyen Hoang Hai รองประธานสมาคมนักลงทุนทางการเงินกล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ระบบเงินตราบนโลกผูกกับระบบบัตรต่างๆ และควรจะมีบัตรให้ใช้ในการเล่นพนันเนื่องมาจากการที่จะตรวจสอบเงินขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อเดือนเป็นเรื่องยากมาก เขากล่าวว่าสำหรับคนที่ทำงานประจำจะเป็นเรื่องง่าย แต่คนที่ทำการค้า ทำธุรกิจส่วนตัวจะเป็นเรื่องที่ตรวจสอบยาก พวกเขาต้องมีบัตรอะไรซักอย่างที่สามารถใช้ในการเล่นพนันในคาสิโนได้
นอกจากนั้น จากสถิติของกระทรวงการคลัง ในปัจจุบันมีประชากรจำนวนร้อยละ 70 ที่เสียภาษีขั้น 1 การออกข้อกำหนดว่าต้องเสียภาษีขั้น 3 จึงเป็นเรื่องยากที่คนเวียดนามจะสามารถเข้าไปเล่นการพนันได้อยู่ดี เงินเดือนขั้นต่ำของผู้เสียภาษีขั้น 3 คือตั้งแต่ 10 – 18 ล้านด่งต่อเดือน นาย Hai ตั้งคำถามว่าสถานที่เล่นคาสิโนเป็นสถานที่พักผ่อนบันเทิงใจซึ่งจะตอบสนองความต้องการของทุกๆ คน หรือเป็นที่ให้บริการบุคคลที่มีเงินเดือนสูงจำนวนหนึ่งกันแน่ ?
แม้ว่าจะเปิดให้เล่นเสรีการพนัน แต่ข้อกำหนดที่ประกาศออกมาก็ยังค่อนข้างรัดกุมแน่นหนาเกินไปซึ่งจะไม่สามารถดึงดูดให้คนเข้ามาเล่นได้ ในขณะที่สิงคโปร์ คาสิโน Marina Bay Sands เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาเล่นคาสิโนได้โดยต้องเสียเงิน 100 สิงคโปร์ดอลลาร์ต่อ 1 วัน (ประมาณ 1.6 ล้านด่ง) หรือ 2,000 สิงคโปร์ดอลล่าร์ต่อ 1 ปี (ประมาณ 32 ล้านด่ง) และไม่มีข้อกำหนดที่ยุ่งยากซับซ้อนอื่นๆ
นอกจากนั้นการที่มีวงเงินจำกัดให้เล่นได้เพียงแค่ 1 ล้านด่ง ในระยะเวลา 24 ชั่วโมงก็ยังไม่ตอบสนองความต้องการของผู้เล่น นาย Anh Ngo Thanh นักธุรกิจหนุ่มกล่าวว่ามีคนที่มีรายได้สูงจำนวนมากต้องการเข้าไปเล่นการพนันในคาสิโน แต่หากมีจำนวนวงเงินการเล่นที่ต่ำมากก็ไม่น่าสนใจที่จะเข้าไปเล่น และหากเป็นเช่นนั้น คาสิโนก็จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของรัฐบาลในการเพิ่มเงินงบประมาณและภาษีได้ นาย Thanh ยังกล่าวเสริมว่า สำหรับตัวเขาแล้ว ข้อกำหนดเช่นนี้น้อยเกินไปและรัดกุมเกินไป ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีกฎที่ผ่อนปรนและยืดหยุ่นกว่านี้ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นเพื่อที่จะสามารถดึงดูดคนมาเล่นมากขึ้น นอกจากนั้นคนรวยๆ ก็จะไม่เข้าไปเล่นเพราะยอดเงินจำกัดน้อยเกินไป และไม่น่าสนใจ พวกเขาก็จะเลือกออกไปเล่นที่ต่างประเทศตามความปรารถนาของตนเองมากกว่าที่จะเล่นภายในประเทศ
ศาสตราจารย์ Ha Ton Vinh ผู้เชี่ยวชาญและทำงานวิจัยเกี่ยวกับคาสิโนมาเป็นระยะเวลานานกล่าวว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบสถานที่เล่นการพนันคาสิโนอย่างรัดกุม และต้องอาศัยประสบการณ์และบทเรียนจากประเทศต่างๆ ในโลก เช่น ที่เกาหลี มีคาสิโนในประเทศ 17 ที่แต่เปิดให้คนในประเทศเล่นได้แค่ 1 ที่นั่นคือรีสอร์ต Kangwon Land ที่อยู่บนภูเขาและห่างไกลจากกรุงโซลหลายร้อยกิโลเมตร ใช้ระยะเวลา 3 ชั่วโมงโดยการนั่งรถไฟความเร็วสูง การที่ตั้งอยู่ไกลเช่นนั้นจะเป็นการป้องกันไม่ให้คนทำงานมาเล่นในวันธรรมดา และมีข้อห้ามไม่ให้เล่นเกิน 15 วันต่อเดือน นอกจากนั้นที่เนปาลและกัมพูชายังไม่ให้คนในชาติเล่น แต่ตั้งมาให้คนต่างชาติเข้ามาเล่นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากผลสำรวจเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 คนเวียดนามร้อยละ 70.7 คิดว่าจะมีคนไปเล่นการพนันในคาสิโนจำนวนมากหากรัฐบาลอนุญาตให้เข้าไปเล่นได้ และมีชาวเวียดนามเพียงแค่ร้อยละ 16 คิดว่าไม่ควรจะให้ชาวเวียดนามเข้าเล่นการพนันในคาสิโน
แหล่งที่มา Vietnam Investment Review / Vietnamnets / หนังสือพิมพ์ Thanh Nien/ Forbes / VnEconomy