สมาคมผู้ส่งออกและผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (Vietnam Association of Seafood Exporters and Producers: VASEP) ระบุว่า การส่งอออกอาหารทะเลของเวียดนามยังเติบโตได้ดีอยู่ โดยระหว่างปี 2559-2563 เติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 5 ต่อปี เมื่อปี 2563 การส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปี 2564-2568 คาดว่า การส่งออกอาหารทะเลจะเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 7 ต่อปี และคาดว่า ในปี 2568 จะมีมูลค่า 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้ 4.7-4.8 ล้านตันจะผลิตในเวียดนาม 1.2-1.3 ล้านตันจะเป็นการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อแปรรูปและส่งออก  

กรมประมง กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนามระบุว่า อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปทำให้เกิดการจ้างงานโดยตรงมากกว่า 435,000 ตำแหน่ง และการจ้างงานในทางอ้อมอีกกว่า 4,000,000 คน ความตกลงทางการค้าระหว่างเวียดนามกับหลายประเทศส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากเวียดนามสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น แต่บริษัทอาหารทะเลแปรรูปของเวียดนามก็ยังและต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อาทิ ความปลอดภัยของอาหาร ความสะอาด การตรวจสอบย้อนกลับ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น อีกทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอาหารทะเลแปรรูปยัง “ไม่เข้มแข็ง” ขาดการส่งเสริมศักยภาพในการพัฒนายาและอาหารเสริมต่าง ๆ

นาย Le Van Thanh รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามจึงได้เห็นชอบข้อตัดสินใจ (Decision) ที่ 1408/QD-TTg ว่าด้วยโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป ปี 2564-2573 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน ดำเนินการตามกฎระเบียบของตลาดการบริโภค ปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานในระดับโลก ตั้งเป้าการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปจนถึงปี 2573 มากกว่า ร้อยละ 6 ต่อปีหรือมีมูลค่าการส่งออกคิดเป็น 14,000-16,000 ดอลลาร์สหรัฐ กำหนดให้มีการจัดตั้งการควบคุมและการพัฒนาวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปอาหารทะเลตั้งแต่ออกจากฟาร์ม ปรับปรุงกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านความสะอาดและปลอดภัยทั้งภายในประเทศและสำหรับการส่งออก ตลอดจนส่งเสริมผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูง พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก (กุ้ง ปลาสวาย ปลาทูน่า) พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปให้มีความหลากหลาย เน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาทูน่า สาหร่าย และการสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีมูลค่าสูงสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เคมี และยา