
หลังจากการควบรวมระหว่างนครเกิ่นเทอ จังหวัดซ็อกจัง และจังหวัดเหิ่วซาง นครเกินเทอแห่งใหม่มีพื้นที่เกษตรกรรมรวมกว่า 511,000 เฮกตาร์ ถือเป็นข้อได้เปรียบในการพัฒนาการเกษตรแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งการปลูกข้าว ผลไม้ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการพัฒนาที่ทันสมัยและยั่งยืน รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
1. ข้าว: ข้าวคุณภาพสูงและพันธุ์ ST25
นครเกิ่นเทอเป็นแหล่งผลิตข้าวคุณภาพสูงที่สำคัญของประเทศ โดยมีผลผลิตข้าวมากกว่า 5.1 ล้านตันต่อปี และกว่าร้อยละ 95 ของพื้นที่ใช้ข้าวพันธุ์คุณภาพสูง ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกข้าวจากนครฯ มีปริมาณมากกว่า 1.2 ล้านตัน คิดเป็นรายได้ราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ พื้นที่จังหวัดซ็อกจังเดิมยังเป็นแหล่งปลูกข้าวพันธุ์ ST25 ซึ่งเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ข้าวที่ดีที่สุดในโลก” จากเวทีระดับนานาชาติ โดยสหกรณ์การเกษตร Hung Loi (ตำบล Dai Ngai) เปิดเผยว่า สมาชิกในสหกรณ์ได้มีการปลูกข้าว ST25 บนพื้นที่ 609 เฮกตาร์ มีผลผลิตเฉลี่ย 6.5-7.5 ตัน/เฮกตาร์ และสามารถสร้างกำไร 45-50 ล้านด่ง/เฮกตาร์/ฤดูกาล นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป สหกรณ์ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาข้าวคุณภาพสูง 1 ล้านเฮกตาร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคาดว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12
2. ผลไม้: รุกตลาดส่งออกด้วยผลผลิตที่หลากหลาย
นครเกิ่นเทอมีพื้นที่เพาะปลูกผลไม้กว่า 102,000 เฮกตาร์ ให้ผลผลิตประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี ผลไม้ส่งออกหลัก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะม่วง และมะเฟือง โดยส่งออกไปยังตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป ปัจจุบันมีรหัสพื้นที่เพาะปลูก 579 รหัส บนพื้นที่ 9,384 เฮกตาร์ เพื่อรองรับการตรวจสอบ ย้อนกลับ โดยสหกรณ์ Xom Dong 2 (ตำบล Thoi An Hoi) เปิดเผยว่า สหกรณ์ฯ ได้พัฒนาและส่งออก “อะโวคาโดนมสีชมพู” บนพื้นที่ 40 เฮกตาร์ ส่งออกไปยังสหรัฐฯ มานานกว่า 5 ปี โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 180-200 ตัน/ปี และสร้างกำไร 250-300 ล้านด่ง/เฮกตาร์
3. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ: จากกุ้งน้ำกร่อยสู่ผู้นำส่งออก
นครเกิ่นเทอมีผลผลิตสัตว์น้ำรวมประมาณ 1.49 ล้านตันต่อปี ครอบคลุมทั้งน้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำจืด และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงกุ้งน้ำกร่อยได้รับการปรับโครงสร้างด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ระบบฟาร์มแบบปิด และแนวทางการผลิตที่เน้นประสิทธิภาพและยั่งยืน
นอกจากนี้ พื้นที่ของจังหวัดซ็อกจังเดิมได้ดำเนินโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งน้ำกร่อย ช่วงปี 2566-2568 พร้อมวิสัยทัศน์ถึงปี 2573 โดยตั้งเป้าผลผลิต 234,000 ตันภายในปี 2568 และมีมูลค่าการส่งออกไม่น้อยกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทแปรรูปและส่งออกกุ้งในพื้นที่ส่วนใหญ่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นครเกิ่นเทอมีแนวโน้มก้าวขึ้นเป็นผู้นำการส่งออกอาหารทะเลและกุ้งของประเทศ อย่างไรก็ตาม มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการประกาศภาษีใหม่ในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 นี้ หากมีการกำหนดอัตราภาษีที่สูงเกินไป หรือมีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง อาจจะกระทบผู้ประกอบการจำนวนมากและจำเป็นต้องหาตลาดใหม่รองรับ
ปัจจุบัน นครเกิ่นเทอมีสหกรณ์ภาคเกษตรกรรม 647 แห่ง มีสมาชิกมากกว่า 20,700 คน และสร้างงานประจำให้แรงงานกว่า 31,000 คน หลายสหกรณ์กลายเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่คุณค่าการเกษตร ด้วยการสร้างแบรนด์สินค้า นำระบบตรวจสอบย้อนกลับเข้ามาใช้ เข้าร่วมโครงการ OCOP และสร้างเครือข่ายตลาดที่มั่นคง ช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกร
ตามแผนพัฒนานครเกิ่นเทอช่วงปี 2564-2573 โดยมีวิสัยทัศน์จนถึงปี 2588 นครเกิ่นเทอจะจัดตั้งเขตเกษตรกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง 7 แห่ง และเขตปศุสัตว์แบบเข้มข้น 2 แห่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางเกษตรกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ภายในปี 2588 พร้อมสนับสนุนแนวทางเกษตรหมุนเวียน และเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่การผลิตที่เข้มข้น การสร้างห่วงโซ่มูลค่าทางการเกษตรตั้งแต่การเพาะปลูก การเลี้ยงปศุสัตว์ ไปจนถึงการแปรรูปและการบริโภค ตลอดจนการปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์
* * * * *
ที่มา: 1. สำนักข่าว Lao Dong เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568
2. สำนักข่าว Tuoi Tre เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568